นี่คือช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำ อากาศอันหนาว และเย็นระเยือก….
อ๊ะๆ อย่าได้ฝันไปเชียว ถ้าหากคุณอาศัยอยู่ย่านทะเลแดดเปรี้ยงอย่างภูเก็ต แบบเจ้าของบล็อกนี่ 🙂 จะเย็นชื่นใจก็เวลาที่เปิดแอร์ แล้วตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศา เท่านั้นน่ะจ๊ะ, แล้วจะ เกริ่นเพื่อ?
คือ ไม่ใช่อะไร, เราจะเข้าเรื่อง รีวิวบรรดา Beauty Oil, Treatment Oil หรือ Facial Oil (หลากอารมณ์แล้วแต่จะเรียก) ที่กำลังใช้อยู่ในช่วงฤดูที่ไม่ค่อยหนาว แต่อากาศแห้ง ที่ทำให้ผิวเรากร้านได้ง่ายขึ้น เพราะสูญเสียความชุ่มชื้นไปกับไอแดดด้วย ทำให้รู้สึกผิวเหมือนร้อนผ่าว ๆ …ไม่ใช่โดนน้ำมนต์นะคะ. ปีนี้เราถอยตัว Estee Lauder Nutritious Radiant Vitality Essence Oil มาทดลองใช้ดู ค่าตัว 2,700 บาท เคยสนใจมาตั้งแต่ออกใหม่ ๆ แล้ว แต่เพิ่งจะตัดสินใจถอย
ปล. ดู Rose hip oil, รีวิวน้ำมันบำรุงผิว จากธรรมชาติของ TROPICALIFE
ขออภัย รูปขวดมืด
มีแถมรีวิว Face Treatment Oil ขวดเล็ก ๆ พ่วงมาด้วย 2 ขวดซึ่งเป็น Trial Size ทั้งหมด คือ
- ซ้าย DARPHIN Chamomile Aromatic Care สำหรับผิวบอบบาง เคยได้แถมมานานหลายปีแล้ว 2 ขวด, นี่พยายามจะใช้ให้หมด, Chamomile ตัวนี้ เนื้อสัมผัสบางเบา สามารถใช้ได้ทั้งเช้า-เย็น เพราะไม่ค่อยเหนอะหนะเท่าไร่ ตัวนี้เราว่าเหมาะกับคนที่เพิ่่งจะเริ่มใช้ Facial Oil และ/หรือ กับผิววัยรุ่น ค่ะ
- ขอย้อนอดีต Oil บำรุงผิวหน้าขวดแรกที่เคยใช้ คือ Darphin 8-Flower Nectar บอกเลยยยย ว่า มันใช้ดีมาก ๆๆ หอมหวาน สุดยอด, ใช้แล้วผิวหน้าแข็งแรง ดูดีขึ้น และแถมยังรู้สึกเหมือนผ่อนคลายสไตล์อโรมาเธอราพี อีก (โอ๊ววว) ไว้รอกลับกรุงเทพฯ รอบหน้า (และถ้ามีตังค์) กะว่าจะซื้อ ดาร์ฟาง 8-Flower Nextar มาใช้อีก หน้าตาเค้าเป็นแบบนี้ค่ะ
มาดูขวดหัวปั๊มด้านขวาสุดกันบ้าง
- ขวา CLARINS Blue Orchid Face Treatment Oil ตัวนี้ได้แถมมาอีกเช่นกัน เหมาะสำหรับผิวธรรมดา ที่ดูเหนื่อยล้าหม่นหมอง
- วิธีใช้ = ใช้ตอนกลางคืน หลังล้างหน้า พอหน้าหมาด ๆ ก็หยด Blue Orchid วอร์มใส่ฝ่ามือ แล้วเอามาแปะ ๆ หรือ นวดผิวหน้าเบา ๆ พอให้มันซึมลงผิว, จะใช้เดี่ยว ๆ หรือ จะใช้ก่อนครีมบำรุงผิวอื่น ๆ ที่มีก็ได้, ตัวนี้ ค่อนข้างมันกว่าของ ดาร์ฟางตัวบนค่ะ ต้องนวดซักพักเพื่อให้ซึมลงผิว
………………………………………………………………………………………….
ทีนี้มาถึง Estee Lauder Nutritious Radiant Vitality Essence Oil เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่ขาดความเปล่งปลั่ง, oil ตัวนี้น่าจะช่วยได้ถ้าใช้เป็นประจำ เพราะมีน้ำมันจากธรรมชาติ ที่มีสารสกัดจากเมล็ดทับทิม ผสมวิตามิน E เพื่อบูสท์ผิวให้ผิวดูเปล่งประกาย, สยบความหม่นหมอง ^^ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และมลพิษต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน, ทำให้ผิวหน้านุ่ม ชุ่มชื้น
สภาพผิวเรา : ผิวผสม (ไม่แห้ง-ไม่มัน)
ผลลัพธ์ระยะสั้น = เราเพิ่งเปิดใช้ได้แค่ 10 วันเอง แต่สังเกตว่าผิวดูดีขึ้นเล็กน้อย และผิวช่วงโหนกแก้มดูเต่ง ๆ ขึ้น (หรือว่า เรากินมาก จนบวม? ^^) ไม่ทำให้เกิดสิวเห่อ หรือสิวอุดตัน
การซึมลงผิว = ซึมลงผิวได้เร็วมาก และ “ทำให้รู้สึกว่าผิวแลดูเนียนเรียบขึ้น” อาจเป็นเพราะมีซิลิโคนอยู่มาก ซึ่งเท่าที่เราพอจะรู้ ก็คือ Dimethicone ผสมอยู่เป็นอันดับ 3 เลย. หลังจากที่นวดทาบนผิวแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 5 – 6 นาที ก็ซึมแบบไม่ทิ้งความเหนอะหนะ แล้วค่ะ — หมายเหตุว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยนะ
กลิ่น = ชอบมาก เพราะ หอมอ่อน ๆ มีกลิ่นทับทิมเบา ๆ พาลให้หิวผลไม้และอยากไปเดินหาซื้อมากินจากตลาด, คงจะเปรี้ยวน่าดู แค่เขียนก็เข็ดฟันน่ะ เอ่อะ
นี่เจ๊ ไปเรื่องกิน ได้อย่างไร…
คะแนน = 9 / 10 ไปโลด, เนื่องจากเป็นคนชอบ Face Oil เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวนี้จะไม่ใช่ not 100% Natural.
ซื้อต่อหรือไม่ Repurchase? = Yes, ในอนาคตอาจจะซื้อต่อแน่นอน. ซึมง่ายไม่เหนอะหนะแบบนี้ คงต้องมีเรื่องให้คุยกันยาว.
…………………………………………………………………………………..
ด้านล่างเป็นรูปเนื้อ oil — ตอนที่หยดลงผิว แล้วเนื้อ oil แตกตัวกระจายซึมผิวค่อนข้างเร็ว

ด้านล่าง เป็นรูปหลังจากนวดให้เนื้อ oil ซึมลงผิวดีแล้ว, ใช้เวลา 2-3 นาที ก็แลดูแห้ง ไม่หลงเหลือความรู้สึกเหนอะหนะผิว
รูปสุดท้าย
ส่วนผสมของ Estee Lauder Nutritious Radiant Vitality Essence Oil เป็นอันจบพิธีการรีวิว ในครั้งนี้, ไปล่ะค่ะ ไว้เจอกันในโพสหน้า…^^

…………………………………………………………………….
อย่างไรก็ตาม “สภาพผิว, ฮอร์โมน, และ รูปแบบการใช้ชีวิต” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อ่าน รีวิว ที่ไหน ๆ ก็ใช้วิจารณญาณส่วนตัวตัดสินเอาล่ะกันนะคะ
Disclaimer: The products I reviewed on this blog are purchased
by my own money.
You must log in to post a comment.